[dropcap size=big]ก[/dropcap]ารมาของระบบ Talents ในแพทซ์ 7.00 เรียกได้ว่าแทบจะพลิกโฉมฮีโร่ บางตัวไปได้เลย บวกกับ การคิดคำนวณการให้ XP ที่ได้ในต้นเกมนั้นไวขึ้น ส่งผลคือ LV ฮีโร่ในต้นเกมนั้นจะเพิ่มขึ้นไวมากกว่าเดิม ทำให้ฮีโร่สายซัพพอร์ต มีบทบาทมากขึ้น ภายในเกมการเล่น
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการอัพเดตแพท การปรับสมดุล ภายในเกม มันก็เหมือนกับ การ์ตูนออกใหม่รายเดือน ที่ผู้คนต่างเฝ้ารอว่า จะมีอะไรใหม่ๆมา เซอร์ไพร์พวกเขา ภายใต้การปรับสมดุลที่น่าสนใจต่างๆนั้น มักจะมีอย่างน้อย 1 หรือ 2 สิ่งที่เรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อเหล่า ฮีโร่ซัพพอร์ต ในปีพี่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดเลยคือการปรับลดราคาของ ยา Potion และ Wards นั่นเอง
[wp_ad_camp_1]
ย้อนกลับไปสู่การแข่งขัน Boston Major ทีมจากจีนส่วนใหญ่มักจะเลือก Rubick ในการเล่น โดยจะถูกเลือกภายในการ pick phase แรกของการดราฟ แสดงให้เห็นได้ว่าเจ้าฮีโร่ตัวนี้ มีจุดเด่นตรงที่ สามารถเข้ากับแผนต่างๆ เป็นอย่างดี , มีความ Flexible สูงและอรรถะประโยชน์ ต่างๆ ภายในเกมนั้นมีครบครัน เป็นเหมือนการจุดเทรนให้กับทีมอื่นๆ เริ่มที่จะเริ่มดราฟ เจ้า Rubick เข้ามาเล่นใน event นี้ จนทำให้ Rubick เป็นฮีโร่ที่ถูกดราฟ มากที่สุดในการแข่งขัน Boston Major
เทรนการดราฟเจ้า Rubick นี้ยังคงต่อเนื่อง มาจนถึงแพทซ์ 7.00 เพราะว่า Meta เกมส์การเล่นในแพทซ์นี้เปลี่ยนแปลงจาก เดิมไม่ค่อยมากนัก แถมยังได้การ Buffed เพิ่มขึ้นอีก (เพิ่มdamage ของสกิล Fade bolt และ ลด % ของการชิ่งลง) แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดของแพทซ์นี้ ก็คือระบบการเงินแบบใหม่ ภายในเกม ที่ทำให้ ฮีโร่ซัพพอร์ต สามารถเก็บเงินได้ง่ายขึ้น เพื่อซื้อ Item สำคัญต่างๆ อย่างเร็ว กว่าเดิม และทำให้ Rubick นั้น hot hit มากยิ่งขึ้น เพราะว่าเป็น hero ที่ต้องการ item สำคัญๆ เหมือนกัน (Blink Dagger , Agahim’s Scepter) นี่ยังไม่รวมกับ ระบบ Talents แบบใหม่ที่ทำให้ Rubick เพิ่มเงิน 60 ต่อหนึ่งนาที , เพิ่มระยะร่ายสกิล +75 และ การลดคูลดาวน์ 20 % ที่เลเวล 25 ส่งผลให้เจ้าตัวนี้น่ากลัวมากๆ ในช่วง Late game
ในการแข่งขัน 3 รายการ Lan event ในยุค 7.00-7.02 (ESL One Genting,Dota Pit,StarLadder i-Series) Rubick ถูกดราฟแบอันดับที่ 1 ในสองรายการ Genting และ StarLadder และถูกดราฟเป็น อันดับที่ 2 ของรายการ Dota Pit เป็นรองเพียง Earth Spirit. ใน Public เกมเจ้า Rubick ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนักในช่วงผู้เล่นทั่วๆไป แต่ในช่วงระดับ MMR 5K+ เจ้าฮีโร่ตีวนี้ถูกเลือกมากเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียง Pudge ที่ครองอันดับ ที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเจ้าฮีโร่ตัวนี้ ค่อนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตาม Skill Player ด้วย Tactics และ Mechanic ต่างๆของตัวฮีโร่นี้
ด้วยความหลากหลายของสกิล , ระบบ Talents ที่เข้ามาเสริม ความสามารถของ Rubick , ความยืดหยุ่นในการเล่น และ การเข้ากันเกือบแทบจะทุกแผนการเล่น กับฮีโร่ภายในทีมก็แสดงให้เห็นว่า ในอนาคตต่อๆไป อย่างน้อยอีก 1-2 แพทซ์นี้เจ้า Rubick ก็ยังคงโผล่มาให้เห็นกันต่อไป ในรายการแข่งขันใหญ่ๆ อย่างแน่นอน
เมื่อครั้งแรกที่ ES ได้เข้าสู่ในโหมด Captain เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วในแพท 6.86 หลายๆทีมก็รู้ได้เลยทันที ว่า “มัน ต้อง ถูก เนิฟ” ด้วยความสามารถ ที่โครตจะโกงกับ 3 AOE skills ประกอบด้วย สตั้น สโลว์ ใบ้ และ อันติเมจที่ทำความเสียหายแบบ AOE วงกว้าง นั้นทำให้ ES ก้าวเข้าสู่ Top tier Support อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องมาจนถึงในแพทซ์ 7.00 ที่มีระบบ Talents เพิ่มเข้าบวกกับจุดเกิด Bounty Rune ถึง 4 จุดภายในแมพ ทำให้ฮีโร่ ประเภท Roamer ก็สามารถมีเงินละเลเวลได้ และด้วยระยะเข้าทำที่ค่อนข้างไกล ของสกิล 2 ในช่วงต้นเกม ส่งผลให้การแก๊งในช่วงแรกมักจะประผลสำเร็จ
ในรายการ Dota Pit ถูกเลือกทั้งหมด 12 ครั้ง และมี Winrate อยู่ที่ 75 % ซึ่งสูงมากๆ ไม่เพียงแค่นั้นในรายการ Star Ladder ที่ผ่านมา จำนวนการเลือก ES อยู่เพียง 6 ครั้งเท่านั้นเพราะว่า ถูกแบนไปทั้งหมด 11 ครั้ง และมี Winrate อยู่ที่ 83%
ด้วยความเป็นเจ้าพ่อ AOE skills ความสามารถในการเข้าทำ บวกกับ ความแข็งแกร่งในด้านทีมไฟต์ ทำให้ Pro team หลายๆทีมให้ความสนใจเจ้า ES เป็นอย่างมากในเกมการแข่งขัน หากแต่ว่าเจ้าฮีโร่ตัวนี้ ความสามารถของผู้เล่นจะส่งผลต่อ การแสดงศักยภาพ ของฮีโร่ตัวนี้เพราะว่าจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการเล่นที่ค่อนข้างสูงพอสมควร
ครั้งหนึ่ง เจ้า Ogre Magi จัดว่าเป็นฮีโร่ Top Tier Support ที่ครบเครื่อง เป็นอีกหนึ่งตัวชนให้กับทีม แทบจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของหลายๆทีมในตอนนั้น และนั้นก็ส่งผลให้ เจ้าฮีโร่ตัวนี้ถูกเนิฟความสามารถลดลง ใน 2 แพทซ์ที่ผ่านมา โดยถูกลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลงใน 7.01 และ ลดอัตราการเพิ่ม INT ต่อเวลลงจาก 2.4 เป็น 2.0 ใน 7.02 โดย Talents นั้นยังอยู่ในขั้นธรรมดา ไม่หวือหวามากมาย talent ที่สำคัญคือ +60 เงินต่อหนึ่งนาทีที่เลเวล 10 และเพิ่ม HP 250 ที่เลเวล 20
จากการแข่งขันรายการ StarLadder i-Series ที่เพิ่งผ่านมานั้น เจ้า Ogre ต้วมเตี้ยมตัวนี้ ถูกดราฟเพียง 4 ครั้งเท่านั้นในตลอดทั้งรายการแข่งขัน บวกกับการเล่นใน Public game ที่มีจำนวนการ Pick rate ที่ลดลงจาก 12% เป็น 10 % นั้นยิ่งแสดงให้เห็นว่า จากการเนิฟ 2 ครั้งส่งผลให้ Ogre ตัวนี้ไม่อาจจะอยู่ใน Meta อีกต่อไปด้วย Talents ที่ไม่ค่อยหวือหวาบวกกับสกิลที่แทบจะเรียกว่า ไม่มี AOE สกิลเลย ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของ Meta ปัจจุบัน หนำซ้ำ Ultimate ยังเป็นเพียงแค่การเพิ่มความสามารถของ 3 สกิลแรกเท่านั้นทำให้หลายๆทีมอาจจะมองข้ามเจ้าฮีโร่ตัวนี้ ไปสนใจตัวอื่นๆแทน
ขอย้อนกลับในแพทซ์ 6.78 (เดือน มิถุนายน 2013) Keeper of the light ถูก Buffed เพิ่มความสามารถเรื่อยๆมาจนถึง แพทซ์ 6.88e (เดือน ตุลาคม 2016) แน่นอนในการบัฟแต่ละครั้งก็แค่เพิ่มความสามารถเล็กๆ น้อยๆเท่านั้น แต่ส่วนที่สำคัญคือสกิล Mana Leak ครั้งหนึ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นสกิลขยะไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำไม (ตัวผมเองก็เช่นกัน ฮา) แต่ในปัจจุบันถือว่าเป็นสกิลที่มี Impact ต่อเกมสูงมากๆ ส่งผลปั่นปวนต่อฝ่ายศัตรู
จากการแข่งขัน StarLadder i-Series ฮีโร่ตัวนี้ถูกเลือก 10 ครั้ง ถูกแบน 11 ครั้งส่งผลให้ อยู่ในอันดับที่ 8 ของจำนวนการ pick และ ban (ค่อนข้างสูง) แต่มีบางทีมกลับใช้ฮีโร่ตัวนี้เป็นแกนหลัก ในแผนการเล่นต่างๆ ยกตัวอย่าง Team Liquid ที่ใช้เจ้าฮีโร่ตัวนี้ในการผ่านรอบ คัดเลือก DAC
ด้วยความสามารถในการเป็น Dual-partner ให้กับ Offlane ที่ทำให้การกดดันภายในเลนส์ 2ต่อ3 แข็งแกร่งมากๆ โดยสกิลอย่าง Chakra Magic ที่ฟื้นมานา และลดคูลดาวน์สกิลในครั้งถัดไป เพิ่มความสามารถ Spam skill กดดันในเลนได้อย่างต่อเนื่องหนำซ้ำเมื่อออก item อย่าง Aghanim’s Scepter ได้แล้ว Map control เกือบจะ 70 % ของพื้นที่ภายในเกมส์ จะถูกควบคุมได้อย่างง่ายดาย (แต่ข้อนี้ใช้ไม่ได้กับ Night Stalker นะ) บวกกับความสามารถในการ teleport เพื่อนมายังตัวเราทำให้ฮีโร่ภายในทีมโยกดันเลนส์ต่างๆได้โดยไม่ต้องพะวง เมื่อมีทีมไฟท์เกิดขึ้นและสกิล Blinding Light สกิลสุดแสบที่จะผลักศัตรูออก และเพิ่มโอกาศ การโจมตี miss อีก 80% ซึ่งสร้างความปั่นปวนในทีมไฟท์ ได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่มา : dotabuff.com
[wp_ad_camp_2]